5 เทคนิคฝึกเขียนภาษาอังกฤษอย่างไรให้เก่ง
เชื่อว่าทุกคนเรียนภาษาอังกฤษกันมาตั้งแต่เด็ก ทั้งฟัง พูด อ่าน เขียน ล้วนแล้วต้องฝ่าฟันมาทั้งนั้น แต่ปราการด่านสำคัญที่ถือเป็นระดับปราบเซียน จะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากการเขียนนั่นเอง แม้ว่าจะยากที่สุดในบรรดาทักษะทั้งสี่ และการเขียนเป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลาฝึกฝน แต่หากเอาจริงเอาจังและมีความพยายามเสียหน่อย รับรองว่ามีผลที่ตอบแทนคุ้มค่าแน่นอน
ดังนั้น CHULAguide เลยเอา 5 เทคนิคฝึกเขียนภาษาอังกฤษอย่างไรให้เก่ง มาฝากกัน จะมีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย!- มีโควต้าการอ่านเกิน 8 บรรทัด
คนที่เขียนเก่งคือคนที่อ่านเก่ง ไม่ว่าจะเป็นภาษาอะไรก็ตาม การอ่านล้วนเป็นจุดเริ่มต้นของการเขียนที่ดี เพราะเมื่อเราอ่านเยอะ เราจะซึมซับสำนวนภาษาที่นักเขียนใช้ เรียนรู้รูปแบบการใช้งานของคำต่างๆ รวมถึงโครงสร้างของประโยคที่ถูกต้อง ไม่จำเป็นต้องอ่านอะไรยากๆ นะ ลองหาหัวข้อที่ตัวเองสนใจอยู่แล้ว จะช่วยให้เราสนุกกับการอ่านขึ้นอีกเป็นกอง - สะสมคลังศัพท์ให้หัว
ต่อยอดจากข้อแรก เมื่อเราอ่านเยอะขึ้นก็จะเปิดโลกคำศัพท์ของเรามากขึ้นไปด้วย เมื่อเจอคำศัพท์ที่ไม่เข้าใจแนะนำให้ใช้พจนานุกรมอังกฤษ-อังกฤษในการหาความหมาย และสิ่งที่ควรทำมากๆๆๆ (**ดอกจันแปดร้อยดอก**) ในการเปิดดิกฯ ก็คือพยายามจำคำที่เป็น Synonyms (คำที่มีความหมายเหมือนกัน) และ Antonyms (คำที่มีความหมายตรงข้ามกัน) ไปด้วย เพราะคำพวกนี้จะช่วยให้การเขียนไม่น่าเบื่อ ไม่เขียนวนแต่คำซ้ำเดิม มีหลากหลายคำศัพท์ให้เลือกใช้มากขึ้น บอกเลยว่าช่วยยกระดับการเขียนของเราสุดๆ - อย่ากลัวแกรมม่า
การเขียนภาษาอังกฤษถือว่าเป็นการท้าทายความรู้ทางด้านแกรมม่าพอสมควรเลย..พอได้ยินคำว่าแกรมม่าก็อย่าเพิ่งขยาดขลาดกลัวไปนะ เราอาจไม่ต้องเข้าใจมันอย่างลึกซึ้งขนาดนั้น แต่ควรมีความรู้ในหลักการใช้เทนส์ต่างๆ ในระดับหนึ่ง ซึ่งใครที่เคยศึกษาแกรมม่าจริงๆ แล้วจะรู้ว่าไม่ได้ยากอย่างที่คิด และถือเป็นใบเบิกทางสำคัญในการเขียนให้เก่งเลยก็ว่าได้ - ฝึกฝน ฝึกฝน และฝึกฝน!
ถ้าอยากจะเขียนเก่งต้องอาศัยการฝึกฝนเท่านั้น หากไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน ลองฝึกลอกบทความอะไรก็ได้ วันละอย่างน้อย 1 ย่อหน้า ไม่ต้องคิด ไม่ต้องจำ ไม่ต้องท่อง ลอกอย่างเดียว อาศัยการซึมซับไปเรื่อยๆ มันอาจจะไม่ได้เห็นผลทันที แต่มันจะถูกเมมโมรี่ไว้ในสมองเราอย่างไม่รู้ตัว ควบคู่ไปกับการฝึกเขียนเล่าเรื่องง่ายๆ อย่างไดอารี่ชีวิตประจำวัน เขียนสั้นๆ ให้มั่นใจก่อน พอเริ่มชินกับการเขียนแล้วค่อยขยับความยากและความยาวขึ้น เพียงหมั่นเขียนอย่างสม่ำเสมอก็ทำให้เราเข้าใกล้เป้าหมายขึ้นอีกก้าวแล้วล่ะ - หาพาร์ทเนอร์หรือเมนเทอร์ก่อนได้เข้าห้องดำ
บางคนอาจมีคำถามจากข้อที่แล้ว ถ้าเราฝึกเขียนเองแล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าควรแก้ตรงไหนบ้าง? แนะนำให้ลองหาเพื่อนต่างชาติที่เป็นเจ้าของภาษามาช่วยดู หรือถ้าอยากได้ผู้เชี่ยวชาญที่เรามั่นใจว่าสามารถชี้จุดที่พลาด เสริมจุดที่ขาดได้อย่างถึงแก่น ก็คงต้องพึ่งสถาบันสอนพิเศษต่างๆ ที่มีอาจารย์มากประสบการณ์พร้อมมอบเทคนิคและความรู้ให้แบบไม่กั๊ก เป็นวิธีลัดที่จะเก่งการเขียนได้อีกทาง
