
ช่วงนี้การท่องเที่ยวทั่วโลกกลับมาคึกคักอีกครั้ง หลังจากการทยอยเปิดประเทศที่ผ่านมา และจุดหมายปลายทางที่หลายคนต่างแห่แหนไปเยือนนั่นก็คือประเทศในแถบยุโรป เพราะขอแค่วีซ่าเชงเก้น (Schengen Visa) ก็สามารถเดินทางได้ถึง 26 ประเทศในเครืออย่างเสรี เป็นอะไรที่คุ้มค่าสุดๆ

ส่วนการขอวีซ่าก็ไม่ยาก เพียงเตรียมเอกสารที่สถานทูตกำหนดให้ครบถ้วน พร้อมมีแพลนประกอบกับเขียนแนะนำตัวเป็นภาษาอังกฤษ และยิ่งเป็นเอกสารที่ผ่านการรับรองโนตารีด้วยแล้ว ยิ่งบวกความน่าเชื่อถือขึ้นอีกเท่าตัว เท่านี้การขอวีซ่าก็เพิ่มโอกาสผ่านฉลุย เตรียมลุยเที่ยวได้เลย

CHULAguide มาแนะนำ 3 ประเทศเชงเก้นยอดฮิตที่มีชายแดนประเทศติดกัน วางแพลนไปทีเดียวเที่ยวได้ครบตามรูท

1. สวิสเซอร์แลนด์
อันดับหนึ่งในทุกโพลสำรวจประเทศในฝันที่ต้องไปเยือนสักครั้ง คงหนีไม่พ้นสวิสเซอร์แลนด์เป็นแน่ อาจเพราะวิวทิวทัศน์ของประเทศแห่งนี้เปรียบได้กับสรวงสรรค์บนดิน ทุกตารางนิ้วงดงามราวภาพวาด ทุ่งหญ้าเขียวขจีสุดลูกหูลูกตา ดอกไม้สีสวยสดขึ้นแซม บรรดาแพะแกะและวัวที่เล็มหญ้าอย่างอิสระ ทะเลสาบสีมรกตที่ใสดั่งกระจก ยังไม่รวมยอดเขาอันโด่งดังอย่าง แมทเธอร์ฮอร์น (Matterhorn) ยอดเขาอันคุ้นตาที่นำไปใช้เป็นโลโก้ช็อกโกแลตยี่ห้อดัง ทอปเบอโรน(Toblerone) รวมถึงผู้ผลิตภาพยนตร์รายใหญ่อย่างพาราเมาท์พิคเจอร์(Paramount Pictures) และที่ขาดไม่ได้เลยคือยอดเขาจุงเฟรา (Jungfrau) หนึ่งในยอดเขาที่สูงที่สุดบนเทือกเขาแอลป์ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็น Top of Europe ยอดเขาชิลธอร์น (Schilthorn) หรือยอดเขาเจมส์บอนด์ที่โด่งดังไปทั่วโลกตั้งแต่ถูกใช้เป็นฉากสำคัญในภาพยนต์เจมส์บอนด์ 007 ฉบับปี 1969 ทั้งหมดนี้ล้วนดึงดูดให้นักท่องเที่ยวต่างหลั่งไหลไปเยือนสวิสเซอร์แลนด์ไม่ขาดสาย และทุกคนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า สวิสครั้งเดียวไม่เคยพอ

2. ฝรั่งเศส
บงชูร์ มองซิเออร์/มาดาม! อีกจุดหมายหนึ่งที่เมื่อนึกถึงทีไร กลิ่นอายของความโรแมนติกก็ลอยฟุ้งขึ้นมาในทันใด พร้อมกับภาพของหอไอเฟล (Eiffel Tower) ที่ตั้งตะหง่านอยู่กลางเมืองปารีส อันเป็นสัญลักษณ์คู่ประเทศฝรั่งเศสมาอย่างยาวนาน นอกจากนี้เรายังสามารถมาสัมผัสความยิ่งใหญ่อลังการของพระราชวังแวร์ซายส์ (Versailles Palace) ต่อด้วยการแวะสบตากับโมนาลิซาพร้อมชมงานศิลปะชื่อก้องโลกที่พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ (Louvre Museum) หรือจะไปวิ่งเล่นในทุ่งลาเวนเดอร์ที่ขึ้นชื่อว่าสวยงามที่สุดในเมืองโพรวองซ์ (Provence) ล่องลงมาทางตะวันออกเฉียงใต้ดื่มด่ำกับเขตชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตาที่เฟรนช์ ริเวียร่า (French Riviera) แถมอาจได้มากระทบไหล่ดาราเบอร์ใหญ่ในพรมแดงเมืองคานส์(Cannes) เรียกได้ว่าประสบการณ์ทั้งหมดที่คุณจะได้รับจากการมาเยือนฝรั่งเศสจะเป็นประสบการณ์ที่คุณจะไม่รู้ลืม

3. อิตาลี
ประเทศที่อบอวลบรรยากาศแห่งเมืองเก่า เคล้าด้วยสุนทรียะของสถาปัตยกรรมและวัฒนธรรมที่สืบทอดมาตั้งแต่ยุคกรีกโรมัน ประจักษ์ชัดด้วยสิ่งก่อสร้างสุดอัศจรรย์ที่ยังคงไม่เสื่อมมนตร์ขลังจวบจนปัจจุบันอย่างโคลอสเซียม (Colosseum) สนามกีฬากลางแจ้งที่ใหญ่โตมโหฬารที่สุดในสมัยโบราณและยังคงสภาพสมบูรณ์ วิหารแพนธีออน (Pantheon) เทวสถานสำหรับเทพปกรณัมอันศักดิ์สิทธิ์ หรือหากใครอยากกลับมาประเทศอิตาลีอีกครั้ง มีความเชื่อว่าให้โยนเหรียญด้วยมือขวาผ่านไหล่ซ้ายลงในน้ำพุเทรวี (Trevi Fountain) แล้วคำอธิษฐานจะเป็นจริง แวะไปถ่ายรูปผลักหอเอนปิซ่า (Leaning Tower of Pisa) ก่อนจะไปล่อง เรือกอนโดลา (Gondola) ที่เมืองแห่งสายน้ำอย่างเวนิส(Venice) เยือนศูนย์กลางแห่งคริสตจักรที่นครรัฐวาติกัน (Vatican City) ถ้าได้จบทริปด้วยการไปหย่อนใจท่ามกลางวิวทิวทัศน์ของทะเลสาบโคโม่ (Lake Como) คงเป็นอะไรที่วิเศษเหนือคำบรรยาย